7 ขั้นตอนเพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ปี 2025

7 ขั้นตอนเพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ปี 2025

7 ขั้นตอนเพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ปี 2025 ปัจจุบันส่วนใหญ่ภาคธุรกิจเป็นระบบดิจิทัลและขึ้นออนไลน์กันหมดแล้ว

จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้บริษัทของคุณมีความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ (Cyber Resilience) เช่นเดียวกับที่คุณพยายามฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ในตลาด การปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับจากภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน

จากข้อมูลของ WatchGuard พบว่าเฉลี่ยมีการโจมตีถึง 75,520 ครั้งต่อวัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าบริษัทต้องทำมากกว่าแค่การตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม อย่างไรก็ตามจากรายงานของ PwC พบว่าเพียงแค่ 2% ขององค์กรที่มีการดำเนินการตามมาตรการความทนทานต่อภัยคุกคามไซเบอร์อย่างเต็มที่ บริษัทสามารถทำอะไรเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยไซเบอร์ได้บ้าง ?

การวางระบบให้ปลอดภัยความไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มันเกิดจากการเตรียมตัวล่วงหน้า การปรับตัว และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อรักษาความปลอดภัยต้องใช้มาตรการต่างๆ ดังนี้:

  1. โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน (Password Managers):

    รหัสผ่านเป็นแนวป้องกันแรกจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่จะไม่ปลอดภัยหากมีการใช้รหัสผ่านซ้ำหรือรหัสที่ไม่แข็งแรง โปรแกรมจัดการรหัสผ่านช่วยในการสร้างและเก็บรักษารหัสผ่านที่ปลอดภัยและไม่ต้องจำ ลดความเสี่ยงจากช่องโหว่
  2. การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย (MFA):
    การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยเพิ่มชั้นการป้องกันที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีเข้าใช้งานยากขึ้น แม้ว่าแฮกเกอร์จะได้รหัสผ่านไปแล้ว การมีรหัสยืนยันจากอุปกรณ์ที่แตกต่างจะทำให้การแฮกเข้าระบบยากขึ้น
  3. การอัปเดตซอฟต์แวร์และการแพตช์:
    การอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อปิดช่องโหว่ที่สามารถถูกโจมตีได้ การอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอช่วยให้ระบบยังคงปลอดภัยจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่
  4. การป้องกันที่เครื่องปลายทาง (Endpoint Protection):
    การป้องกันเครื่องปลายทางไม่เพียงแต่ปกป้องอุปกรณ์แต่ยังรวมถึงการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดของบริษัทด้วย ต้องทำการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ การตรวจจับภัยคุกคามเชิงรุก และการวางแผนการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพ
  5. บริการจัดการความปลอดภัย (MDR):
    การมีบริการ MDR ตลอด 24 ชั่วโมงจะช่วยให้คุณมีการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อปกป้องทรัพย์สินทั้งหมดของคุณ โดยจะได้รับการแจ้งเตือนและตอบสนองต่อกิจกรรมที่น่าสงสัย
  6. การกรอง DNS:
    เครื่องมือนี้จะวิเคราะห์และควบคุมการเข้าถึงเว็บไซต์จากเครือข่ายของบริษัท โดยการบล็อกเนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น ฟิชชิ่ง หรือ มัลแวร์
  7. การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์:
    พนักงานหลายคนอาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของพวกเขาสามารถทำให้เกิดช่องโหว่ในระบบความปลอดภัย การให้การฝึกอบรมในเรื่องแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจะช่วยลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์และเสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันภัยคุกคาม

การนำแนวทางแบบองค์รวมมาใช้ในการปกป้องบริษัท

เพื่อให้เกิดความทนทานต่อภัยคุกคามไซเบอร์อย่างแท้จริง คุณต้องใช้แนวทางแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทุกระดับขององค์กร ตั้งแต่พนักงานไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง ในการนี้ การมีแพลตฟอร์มความปลอดภัยที่รวมทุกฟังก์ชันเข้าด้วยกันเป็นสิ่งสำคัญ แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนของเครื่องมือที่แยกจากกัน ซึ่งทำให้การจัดการง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อภัยคุกคาม

ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Unified Security ของ WatchGuard ช่วยทำให้การรักษาความปลอดภัยง่ายขึ้นโดยการใช้ระบบอัตโนมัติ การรวมฟังก์ชันต่างๆ และการมองเห็นที่รวมศูนย์กลาง วิธีนี้จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานและช่วยปิดช่องโหว่ที่เกิดจากการใช้เครื่องมือแยกต่างหาก การนำทางเลือกแบบนี้มาประยุกต์ใช้สามารถเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความทนทานต่อภัยคุกคามไซเบอร์

นอกจากนี้ การร่วมมือกับผู้ให้บริการ MSP ที่มีความน่าเชื่อถือและเข้าใจความต้องการเฉพาะขององค์กรก็สามารถทำให้การป้องกันในโลกดิจิทัลเป็นเรื่องง่ายขึ้น WatchGuard พร้อมบริการสนับสนุนทางเทคนิคที่พร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ให้คุณมั่นใจได้ในทุกขั้นตอนการใช้งาน หากท่านสนใจทดลองใช้สามารถ ลงทะเบียนเพื่อขอทดลองได้ฟรี 30 วัน

Credit https://www.watchguard.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *