การโจมตีทางไซเบอร์ในภาคการศึกษาพุ่งขึ้นถึง 258%

การโจมตีทางไซเบอร์ในภาคการศึกษาพุ่งขึ้นถึง 258%

การโจมตีทางไซเบอร์ในภาคการศึกษาพุ่งขึ้นถึง 258% นี่เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าความปลอดภัยของข้อมูลในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต้องได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม

อาชญากรไซเบอร์กำลังมุ่งเป้าไปที่สถาบันการศึกษา เพราะมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจำนวนมาก เช่น ข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนและพนักงาน งานวิจัย และทรัพย์สินทางปัญญา ด้วยงบประมาณด้านเทคโนโลยีที่จำกัดและการป้องกันที่มักจะอ่อนแอ ทำให้หลายองค์กรเหล่านี้กลายเป็นเหยื่อง่ายสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของพวกเขา

ในปี 2023 ภาคการศึกษาและการวิจัยประสบปัญหาอย่างหนักจากการโจมตีทางไซเบอร์ โดยมีค่าเฉลี่ยการโจมตีต่อสัปดาห์ที่น่าตกใจ ตามข้อมูลจาก Statista รวมแล้วมีการโจมตีถึง 1,780 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่ง 1,537 ครั้งเกิดจากการละเมิดข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตามรายงานการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลของ Verizon (DBIR) นี่หมายถึงการเพิ่มขึ้นถึง 258% ในจำนวนเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว และการเพิ่มขึ้นถึง 546% ในกรณีการละเมิดข้อมูล ตัวเลขเหล่านี้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในสถาบันการศึกษา


เมื่อไม่นานมานี้ เขตการศึกษาของ Highline Public Schools ซึ่งมีนักเรียนประมาณ 17,500 คนทางใต้ของซีแอตเทิล ต้องหยุดการเรียนการสอนเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ ในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน ยืนยันว่าพบกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในระบบ แม้ว่าจะไม่พบหลักฐานการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือครอบครัว แต่การโจมตีก็ทำให้ระบบสำคัญไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร การจัดการขนส่งนักเรียน และบันทึกการเข้าเรียน ทำให้ต้องยกเลิกการเรียนการสอนเป็นเวลาหลายวัน

สามช่องทางการโจมตีหลักในสถาบันการศึกษา

รายงาน DBIR ชี้ให้เห็นว่าการละเมิดความปลอดภัยส่วนใหญ่ในภาคการศึกษา ประมาณ 90% เกิดจากการบุกรุกระบบ การใช้วิธีการทางสังคม (social engineering) และความผิดพลาดของมนุษย์ ดังนั้นสถาบันต่างๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพื่อปกป้องระบบของโรงเรียนจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

1. Implement Measures to Secure Networks and Devices

การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและอุปกรณ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

  • อัปเดตซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์: ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์และโปรแกรมทั้งหมดได้รับการอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อป้องกันช่องโหว่
  • ใช้ฟิลเตอร์เนื้อหาและแบ่งเครือข่าย: การจำกัดการเข้าถึงและแยกเครือข่ายจะช่วยควบคุมและป้องกันการละเมิดความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น
  • นโยบายการตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัย: ควรกำหนดนโยบายการตั้งรหัสผ่านที่เข้มงวด รวมถึงการใช้อุปกรณ์ส่วนตัวในโรงเรียนอย่างปลอดภัย
  • เครือข่าย Wi-Fi แยกประเภท: ตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi แยกสำหรับอุปกรณ์ส่วนตัว อุปกรณ์ของโรงเรียน และอุปกรณ์ของแขก เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  • การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ (MDM): ใช้ระบบ MDM เพื่อดูแลและรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์เคลื่อนที่ของนักเรียนและพนักงาน

2. Cybersecurity Awareness

การศึกษาเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องโรงเรียน

  • การฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ: จัดการอบรมให้กับนักเรียนและบุคลากรเพื่อเพิ่มความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และวิธีการป้องกัน
  • การจำลองการโจมตี: ทำการฝึกซ้อมสถานการณ์การโจมตีทางไซเบอร์เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มความเข้าใจในการรับมือ
  • สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย: ส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องความปลอดภัย โดยทำให้ทุกคนรู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมในการปกป้องข้อมูล
  • โปรแกรมเฉพาะสำหรับการใช้อุปกรณ์ส่วนตัว: สร้างแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตส่วนตัวในโรงเรียน เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูล
  • การอบรมสำหรับผู้ปกครอง: จัดเวิร์กชอปหรือสัมมนาสำหรับผู้ปกครอง เพื่อให้พวกเขามีความรู้ในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่บ้าน และส่งเสริมให้เด็กๆ ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกัน

3. Implement Basic Cybersecurity Tools

โรงเรียนควรใช้เครื่องมือความปลอดภัยไซเบอร์พื้นฐานเพื่อป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคาม

  • การตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง: ใช้โซลูชันการตรวจสอบเพื่อตรวจจับและตอบสนองต่อกิจกรรมที่น่าสงสัยในเครือข่ายอย่างรวดเร็ว
  • การใช้ VPN: ใช้ VPN เพื่อรักษาความปลอดภัยในการเชื่อมต่อจากนอกสถานที่ ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญขณะใช้งานจากที่อื่น
  • การปกป้องข้อมูลประจำตัว: ใช้เครื่องมือ เช่น การเข้าถึงตามบทบาท (role-based access) เพื่อจำกัดข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ตามความรับผิดชอบ และการควบคุมการเข้าถึงตามบริบท (contextual access control) ที่ปรับระดับความปลอดภัยตามสถานที่และพฤติกรรมของผู้ใช้
  • การใช้การยืนยันตัวตนหลายปัจจัย (MFA): การใช้ MFA เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการบุกรุก การหลอกลวงทางสังคม และความผิดพลาดของมนุษย์

ความจำเป็นในการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อโรงเรียนเริ่มบูรณาการเทคโนโลยีมากขึ้นในกิจกรรมประจำวัน เช่น แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์และระบบการเข้าร่วมและการให้คะแนนที่ใช้คลาวด์ การใช้การยืนยันตัวตนหลายปัจจัย (MFA) จะเพิ่มชั้นป้องกันอีกระดับ ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงระบบได้ยากขึ้น

WatchGuard AuthPoint MFA (การรับรองความถูกต้องแบบหลายปัจจัย)

ปลอดภัยใช้ง่าย และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA) ของ AuthPoint มอบความปลอดภัยที่คุณต้องการในการปกป้องทรัพย์สิน บัญชี และข้อมูลของคุณ ให้บริษัทของคุณทำงานอย่างมั่นใจและไร้กังวลด้วยการป้องกันอันทรงพลังของ AuthPoint

  • การรับรองความถูกต้องที่ใช้งานง่ายส่งตรงจากโทรศัพท์มือถือของคุณ
  • ไม่จำเป็นต้องพกโทเค็น – ตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้แอปมือถือง่ายๆ บนโทรศัพท์ของคุณ
  • ติดตั้งง่าย รวดเร็ว บริหารจัดการบนคลาวด์
  • จัดการ AuthPoint ได้ทุกที่ทุกเวลา

Features & Benefits

  • การรับรองความถูกต้องออนไลน์ (Push) แบบออฟไลน์ (รหัส QR และ OTP)
  • การตรวจสอบ DNA ของอุปกรณ์มือถือเพื่อการจับคู่ข้อมูลระบุตัวตน
  • รวมการป้องกันการเข้าสู่ระบบ VPN, Cloud และ PC แล้ว
  • พอร์ทัลการลงชื่อเพียงครั้งเดียวบนเว็บ (SSO)

WatchGuard Cloud ช่วยให้คุณจัดการและรายงานความปลอดภัยของคุณจากแพลตฟอร์มที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพเพียงแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าคุณต้องการลดหรือขจัดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน เการตั้งค่าของคุณ ลดความซับซ้อนของเครื่องมือการจัดการความปลอดภัยของคุณ หรือเพิ่มการมองเห็นเครือข่ายของคุณมากขึ้น WatchGuard Cloud สามารถช่วยได้หากท่านสนใจทดลองใช้สามารถ ลงทะเบียนเพื่อขอทดลองได้ฟรี 30 วัน

credit https://www.watchguard.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *