วิธีลบข้อมูลส่วนตัวจากเว็บไซต์ และปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณ

วิธีลบข้อมูลส่วนตัวจากเว็บไซต์ และปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์

วิธีลบข้อมูลส่วนตัวจากเว็บไซต์ และปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณ

พร้อมแนะนำเครื่องมือช่วยจาก WatchGuard ที่องค์กรควรรู้

ในยุคที่โลกออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ข้อมูลส่วนตัวของเรามักหลุดรอดไปยังเว็บไซต์ที่เรียกว่า “People Search Sites” หรือเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลบุคคล โดยที่เราไม่รู้ตัว เว็บไซต์เหล่านี้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งสาธารณะ เช่น ทะเบียนราษฎร์ ศาล หรือแม้กระทั่งโซเชียลมีเดีย แล้วนำมาเผยแพร่หรือขายต่อให้บุคคลที่ 3 โดยไม่ขออนุญาตผู้เป็นเจ้าของข้อมูล

ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่นั้นมักรวมถึงชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น การถูกขโมยตัวตน (Identity Theft), การหลอกลวง (Phishing) หรือการติดตามแบบละเมิดความเป็นส่วนตัว (Cyberstalking)

การลบข้อมูลเหล่านี้ออกจากระบบออนไลน์อาจฟังดูยุ่งยาก แต่ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เรารวบรวมขั้นตอนสำคัญ พร้อมแนะนำเครื่องมือที่จะช่วยปกป้องคุณและองค์กรของคุณในระยะยาว โดยเฉพาะในมุมของการจัดการความมั่นคงปลอดภัยในยุคดิจิทัล


สาระสำคัญที่ควรจำ

  • ค้นหาให้เจอก่อนว่าข้อมูลของคุณอยู่ในเว็บไซต์ใด
  • เรียนรู้วิธีใช้สิทธิ “opt-out” เพื่อลบข้อมูลออกจากเว็บไซต์เหล่านั้น
  • เฝ้าติดตามสถานะของข้อมูลคุณอยู่เสมอ เพราะอาจถูกนำกลับมาเผยแพร่อีก
  • ใช้เครื่องมือที่ช่วยลดรอยเท้าดิจิทัล (digital footprint) และจัดการการลบข้อมูลอย่างเป็นระบบ

ข้อมูลส่วนตัวของคุณไปอยู่ในมือ Data Broker ได้อย่างไร?

เว็บไซต์ค้นหาบุคคลทำงานในลักษณะ “รวบรวมข้อมูล” (Data Aggregation) โดยดึงข้อมูลจากแหล่งสาธารณะ เช่น:

  • ข้อมูลการจดทะเบียนทรัพย์สิน
  • บันทึกคดีความในศาล
  • ข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
  • ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ต่ำ

เว็บไซต์เหล่านี้ เช่น Whitepages, Spokeo, BeenVerified และ TruthFinder มักไม่ขออนุญาตเจ้าของข้อมูลก่อนเผยแพร่ และหารายได้จากการขายบริการค้นหาข้อมูลส่วนตัวให้กับลูกค้ารายย่อยหรือธุรกิจ


วิธีลบข้อมูลของคุณออกจากเว็บไซต์ค้นหาบุคคล

1. ค้นหาตัวเองบน Google

เริ่มต้นด้วยการเสิร์ชชื่อคุณบน Google โดยใช้หลายรูปแบบ เช่น “สมชาย ใจดี เชียงใหม่” หรือ “เบอร์ 08xxxxxxxx บ้านบึง” แล้วใช้ โหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito) เพื่อให้ผลลัพธ์ไม่ขึ้นตามประวัติการใช้งานของคุณ


2. ระบุเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลของคุณ

หากพบข้อมูลบนเว็บไซต์เช่น:

  • Spokeo: ไปที่หน้าที่ชื่อว่า “Do Not Sell My Info” แล้วกรอกลิงก์โปรไฟล์พร้อมอีเมลยืนยัน
  • Whitepages: เลื่อนลงไปล่างสุด กดปุ่ม “Do Not Sell My Personal Information” แล้วทำตามขั้นตอน
  • BeenVerified: ใช้วิธีเดียวกันโดยกรอกชื่อ ที่อยู่ และอีเมลเพื่อยืนยัน

เคล็ดลับ: บันทึกหลักฐานการขอออกจากระบบ เช่น แคปหน้าจอ หรือเก็บอีเมลตอบรับไว้ เผื่อใช้เป็นหลักฐานในอนาคต


3. ติดตามข้อมูลของคุณอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์ใหม่ ๆ หรือบริการใหม่อาจรวบรวมข้อมูลของคุณอีกในอนาคต คุณควร:

  • ตั้ง Google Alert เพื่อแจ้งเตือนเมื่อชื่อของคุณปรากฏในเว็บไซต์
  • ตรวจสอบผลการค้นหาทุก 3-6 เดือน
  • ส่งคำร้องขอการลบข้อมูลซ้ำเมื่อจำเป็น

เครื่องมือช่วยลบข้อมูลและลดการทิ้งรอยเท้าดิจิทัล

  • Google Alerts – แจ้งเตือนชื่อของคุณทันทีที่มีเว็บไซต์ใหม่พูดถึง
  • OneRep / PrivacyDuck – บริการแบบชำระเงินที่จัดการลบข้อมูลจากหลายเว็บไซต์แทนคุณแบบอัตโนมัติ
  • Panda Dome – ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่มาพร้อม VPN ปิดกั้นการติดตามพฤติกรรมออนไลน์

ป้องกันล่วงหน้าดีกว่าแก้ไข: เปลี่ยนพฤติกรรมและใช้โซลูชันจาก WatchGuard

การลบข้อมูลย้อนหลังเป็นเพียงหนึ่งในวิธีป้องกันตนเอง แต่ในโลกธุรกิจ หรือองค์กร การรักษาความเป็นส่วนตัวควรทำแบบ Proactive มากกว่าแบบ Reactive

WatchGuard: โซลูชันด้าน Cybersecurity ครบวงจร

WatchGuard เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายสำหรับองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ช่วยป้องกันข้อมูลของพนักงาน ลูกค้า และองค์กรไม่ให้รั่วไหลตั้งแต่ต้นทาง เช่น:

WatchGuard Endpoint Security

– ป้องกันมัลแวร์ สปายแวร์ และ ransomware ที่มักแฝงตัวมาในอีเมลหรือลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัย

DNSWatch

– ป้องกันผู้ใช้ไม่ให้เข้าเว็บไซต์หลอกลวง ที่อาจนำข้อมูลไปขายต่อยังเว็บไซต์ค้นหาบุคคลโดยไม่รู้ตัว

AuthPoint MFA (Multi-Factor Authentication)

– ยืนยันตัวตนหลายชั้น ช่วยลดโอกาสที่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกเข้าถึงผ่านการแอบอ้างตัวตน

Network Firewall และ Secure Wi-Fi

– ป้องกันข้อมูลหลุดจากเครือข่ายภายใน ทั้งในสำนักงานและระหว่างการทำงานแบบ Hybrid/Remote


ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการดูแลความเป็นส่วนตัว

  • ปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของโซเชียลมีเดียให้เข้มงวด
  • หลีกเลี่ยงการลงทะเบียนหรือกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ที่ไม่จำเป็นหรือไม่น่าเชื่อถือ
  • ติดต่อหน่วยงานราชการ เช่น อำเภอหรือเทศบาล เพื่อขอให้จำกัดการเปิดเผยข้อมูลออนไลน์ของคุณ

หากคุณพบว่าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งไม่ยอมลบข้อมูล แม้คุณจะส่งคำร้องไปแล้ว คุณสามารถขอคำปรึกษาจากทนายความหรือใช้บริการจัดการชื่อเสียง (Reputation Management) ได้


สรุป

ในโลกที่ทุกอย่างเป็นดิจิทัล การปกป้องข้อมูลส่วนตัวไม่ใช่แค่ “สิ่งที่ควรทำ” แต่เป็น หน้าที่ ของทุกคน เว็บไซต์ค้นหาบุคคลอาจดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ในความเป็นจริง มันคือแหล่งข้อมูลชั้นดีสำหรับเหล่ามิจฉาชีพ รู้ว่าใครเป็นเป้าหมาย กำจัดข้อมูลนั้นออก แล้วติดตามอย่างสม่ำเสมอ

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือดูแลด้าน IT Security ให้กับองค์กร เริ่มจากการสร้างวัฒนธรรม Cybersecurity ที่แข็งแกร่งด้วยเครื่องมือที่เชื่อถือได้จาก WatchGuard

เพราะข้อมูล คือ ทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้ของคุณและองค์กร

📞 ติดต่อเราเพื่อ Demo
📧 หรือขอใบเสนอราคาพิเศษวันนี้! หากท่านสนใจทดลองใช้สามารถ ลงทะเบียนเพื่อขอทดลองได้ฟรี 30 วัน

Credit https://www.watchguard.com

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *