ภัยคุกคามไซเบอร์ที่พบบ่อยที่สุด 4 อันดับแรก ในยุคดิจิทัลปัจจุบันการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว การทำความเข้าใจภัยกับตัวคุกคามถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยขององค์กร
เห็นได้ชัดว่าอาชญากรไซเบอร์ไม่ได้ยึดติดกับวิธีการของตนและพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้บังคับให้ธุรกิจต่างๆ ต้องรู้เท่าทันเพื่อปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของตน บริษัทจำเป็นต้องตระหนักถึงภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่พบบ่อยที่สุด และมาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่พบบ่อยที่สุดคืออะไร ?
แม้ว่าอาชญากรไซเบอร์จะมีเครื่องมือ และวิธีการมากมายให้เลือกใช้ แต่ก็มีวิธีการหลักที่พวกเขาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในการโจมตีระบบดังนี้
- Ransomware
ransomware กลายเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อันตรายที่สุดในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา นี่เป็นหนึ่งในภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่น่าหวาดกลัวที่สุดทั่วโลก เนื่องจากไม่มีการแบ่งแยกระหว่างภาคส่วนหรือขนาดบริษัท ทำการโจมตีได้ทุกที่ แต่ละอุตสาหกรรมมีลักษณะเฉพาะที่ดึงดูดให้ทำการโจมตี ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนไหวของข้อมูลที่จัดการ ความไว้วางใจ น่าเชื่อถือจากสาธารณะ หรือความสามารถทางการเงินในการจ่ายค่าไถ่ การโจมตีประเภทนี้สามารถหยุดการทำงานขององค์กร สร้างความสูญเสียทางการเงิน รวมถึงสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงขององค์กร - การตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง และไม่มีการอัปเดทแพทช์ระบบ
บริษัทที่ไม่สามารถตั้งค่าความปลอดภัยที่เหมาะสม หรือใช้การตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับระบบ บริษัทตกอยู่ในความเสี่ยงทางไซเบอร์สูง เนื่องจากการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง ระบบที่ไม่มีการอัปเดทแพทช์ ไม่มีการควบคุมผ่านระบบรีโมท มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอยู่ภายในเปรียบเสมือนประตูที่เปิดกว้างซึ่งอาชญากรไซเบอร์สามารถผ่านไปได้เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับหรือสร้างความเสียหายให้กับองค์กร โดยเครื่องมือจาก Deep Web ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถระบุช่องโหว่เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย - ข้อมูลรับรองการเข้าระบบ
ในการโจมตีประเภทนี้ อาชญากรไซเบอร์ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของผู้ใช้ เช่น การใช้รหัสผ่านซ้ำ เพื่อเข้าถึงบัญชีดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต พวกเขาใช้บอทอัตโนมัติในการสุ่มชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ได้รับมาจากการละเมิดข้อมูลครั้งก่อนๆ บนเว็บไซต์ที่แตกต่างกัน หากมีการใช้ชื่อ และรหัสผ่านผสมเดียวในหลายไซต์ แฮกเกอร์จะสามารถเข้าถึงบัญชีของเหยื่อได้ - Social Engineering
อาชญากรไซเบอร์ใช้วิธี Social Engineering ซึ่งเป็นเทคนิคชักจูงผู้ใช้งานให้ดำเนินการที่ส่งต่อความปลอดภัยของตนด้วยกลอุบายเช่น แอบอ้างหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือดำเนินการที่อนุญาตให้พวกเขาเข้าถึงระบบของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต ความแนบเนียนจะเป็นกุญแจสำคัญในการโจมตีประเภทนี้ แฮกเกอร์ทำการวิเคราะห์เหยื่อ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมออนไลน์ของพวกเขา ด้วยข้อมูลนี้ พวกเขาจะสร้างสถานการณ์โดยใช้อีเมลปลอม เว็บไซต์หลอกลวง ในการหลอกล่อเป้าหมาย
เมื่อเผชิญกับความเสี่ยงทางไซเบอร์ องค์กรต่างๆ ต้องใช้แนวทางเชิงรุกในการรักษาความปลอดภัยและการป้องกัน นี่หมายถึงการลงทุนในเครื่องมือรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แนวทางการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรเหมาะอย่างยิ่งในบริบทนี้ โดยให้การป้องกันแบบหลายชั้นที่ปกป้ององค์กรในทุกระดับ การป้องกันที่ครอบคลุมนี้ช่วยปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลและรับประกันความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมดิจิทัล นอกจากนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์นี้ บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องส่งเสริมวัฒนธรรมการตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในหมู่พนักงาน ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล การทำงานร่วมกันระหว่างผู้เล่นหลักเหล่านี้จะสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่แข็งแกร่งและปลอดภัยยิ่งขึ้น
เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ การนำมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งมาใช้ถือเป็นสิ่งสำคัญ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส ระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ขั้นสูง พร้อมเทคโนโลยี EDR อาทิ Zero-Trust Application Service, Threat Hunting Service, AI Deep Learning Algorithm อย่าง WatchGuard EPDR (Panda Adaptive Defense 360) สามารถปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากมัลแวร์และการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น
ปกป้องการท่องเว็บออนไลน์ของคุณประกอบด้วยการตรวจจับพฤติกรรมเพื่อป้องกัน และบล็อกการโจมตีแบบไม่มีไฟล์ตามสคริปต์ที่ฝังอยู่ในไฟล์ Office ตัวแอปพลิเคชันสามารถตรวจจับการทำงานที่ผิดปกติที่ เพื่อป้องกันการโจมตีได้ หรือใช้ช่องโหว่จากเว็บเบราว์เซอร์ ของแอปอื่นๆ เช่น Java Adobe Reader, Adobe Flash, Office ฯลฯ หากท่านสนใจทดลองใช้สามารถ ลงทะเบียนเพื่อขอทดลองได้ฟรี 30 วัน
Credit https://www.watchguard.com