เปลี่ยนจุดอ่อนให้กลายเป็นจุดแข็ง ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กร
ในโลกที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและความปลอดภัยมักรู้ดีถึงวิธีการรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ
ด้วยเครื่องมือ เทคโนโลยี และทักษะเฉพาะทางที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้น แต่ในขณะเดียวกัน “จุดอ่อน” ที่ใหญ่ที่สุดของระบบความปลอดภัยขององค์กรกลับไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีที่ใช้ แต่อยู่ที่ “ผู้ใช้” หรือพนักงานทั่วไปที่ไม่ได้มีพื้นฐานด้าน IT
แต่อย่าเพิ่งมองว่า “ผู้ใช้ทั่วไป” คือภาระหรือจุดเสี่ยงที่ต้องระวังอย่างเดียว เพราะความจริงแล้ว พนักงานเหล่านี้สามารถกลายเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังที่สุดของคุณในการปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามไซเบอร์ได้ ถ้าเรารู้จัก “เปลี่ยนมุมมอง” และ “พัฒนาแนวทางการฝึกอบรม” ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของพวกเขา
พนักงานที่ไม่ใช่สายไอที คือด่านหน้าในการเฝ้าระวังภัยคุกคาม
หนึ่งในบทเรียนสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยควรตระหนักคือ คุณไม่สามารถอยู่ได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่พนักงานในแต่ละแผนก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายบัญชี ฝ่ายบุคคล ฯลฯ คือผู้ที่อยู่หน้าจอและมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกตลอดเวลา พวกเขาคือ “ด่านหน้า” ที่สามารถช่วยสังเกตความผิดปกติ เช่น:
- อีเมลน่าสงสัยจากบุคคลภายนอก
- ลิงก์ปลอมที่พยายามล่อลวงให้ใส่รหัสผ่าน
- โทรศัพท์ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้บริหารหรือฝ่าย IT แล้วขอข้อมูล
หากพนักงานกลุ่มนี้มีความรู้เพียงพอ พวกเขาจะสามารถแจ้งเตือนทีม IT ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยป้องกันเหตุการณ์ร้ายแรงได้ตั้งแต่ต้นน้ำแต่ปัญหาคือ… การฝึกอบรมความปลอดภัยไซเบอร์ในหลายองค์กรยังคงใช้วิธีการแบบเก่า น่าเบื่อ และไม่ตรงจริตของผู้เรียน
ทำไม Security Awareness Training แบบเดิมจึงไม่เวิร์ก?
เราคงคุ้นเคยกับการอบรมความปลอดภัยในรูปแบบของวิดีโอการ์ตูน ข้อสอบแบบ multiple choice หรือคอร์สออนไลน์ที่เน้นให้ดูจบไปตามระยะเวลา มีคะแนนขั้นต่ำ และ “ขอให้ผ่านก็พอ” ซึ่งปัญหาของวิธีการนี้คือ:
- ผู้เรียนรู้สึกว่าน่าเบื่อ เหมือนโดนบังคับ
- ไม่เข้าใจเหตุผลที่ต้องระวังสิ่งเหล่านั้น
- ไม่เห็นความสำคัญเพราะรู้สึกว่า “ไม่น่าจะเกิดกับฉัน”
- ขาดตัวอย่างจริงที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงในที่ทำงาน
ผลลัพธ์ก็คือพนักงานยังคง “เผลอคลิกลิงก์ฟิชชิ่ง” หรือ “ตอบกลับอีเมลปลอม” เหมือนเดิม แม้จะผ่านการอบรมแล้วก็ตาม
พลิกเกมฝึกอบรม ด้วยวิธีที่เข้าถึงหัวใจผู้เรียน
การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ดีควรเปลี่ยนจากการ “สั่งสอน” มาเป็นการ “เล่าเรื่อง” และ “ให้เห็นภาพ” ว่าภัยไซเบอร์ในโลกปัจจุบันน่ากลัวแค่ไหน และพนักงานแต่ละคนมีบทบาทสำคัญขนาดไหนในการปกป้ององค์กร
ตัวอย่างการฝึกอบรมแบบมีชีวิต:
ลองนึกภาพการอบรมที่เริ่มต้นด้วยการให้ผู้เรียนดูวิดีโอ Deepfake ที่ใช้ AI ปลอมเสียงและหน้าตาของ CEO ในบริษัทของคุณ (แน่นอนว่าเป็นการสาธิตที่ปลอดภัยและได้รับอนุญาต) แล้วให้ดูว่า AI สามารถปลอมเป็นผู้บริหารเพื่อขอให้พนักงานโอนเงิน/เปิดสิทธิ์อะไรบางอย่างได้อย่างแนบเนียนแค่ไหน
ต่อจากนั้นค่อยอธิบายเบื้องหลังว่า Deepfake ทำงานอย่างไร และคนร้ายใช้สิ่งนี้โจมตีองค์กรอื่น ๆ มาแล้วอย่างไร
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น:
- พนักงานรู้สึกทึ่งและสนใจ
- เชื่อมโยงกับชีวิตจริงได้
- จำง่ายและสามารถบอกต่อ
- เพิ่มความรู้สึก “ระวังตัว” โดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็น Game, Quiz, หรือบทบาทสมมติ (Role Play) ที่ให้พนักงานลอง “ตรวจจับ” อีเมลฟิชชิ่งจริง ๆ ได้ด้วยตนเอง
WatchGuard ช่วยคุณสร้างโปรแกรมฝึกอบรมความปลอดภัยที่เข้าถึงได้จริง
WatchGuard ไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการ Firewall หรือ Endpoint Protection เท่านั้น แต่เรายังมีโซลูชันด้าน Security Awareness ที่ครอบคลุมและทันสมัย เช่น
[WatchGuard Security Awareness Training Platform]
เครื่องมือสำหรับทีม IT และ HR ที่สามารถสร้างแคมเปญฝึกอบรมแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้:
- กำหนดเนื้อหาตามตำแหน่งงาน: ฝ่ายขาย, ฝ่ายบัญชี, แอดมิน ฯลฯ
- มีคลังคอนเทนต์วิดีโอ, quiz, แบบฝึกหัดที่สนุกและอัปเดตตามภัยคุกคามล่าสุด
- มีฟีเจอร์จำลอง Phishing Attack ที่สามารถส่งอีเมลฟิชชิ่งปลอมไปยังพนักงาน เพื่อทดสอบว่ามีใครเผลอตอบกลับหรือไม่ (พร้อมสถิติและคะแนน)
- มีระบบแจ้งเตือนและติดตามผลการฝึกอบรมได้แบบ Real-time
ความคุ้มค่าและความง่ายในการใช้งาน
- ใช้งานผ่าน Web Dashboard
- รองรับภาษาไทยและสามารถสร้างเนื้อหาที่เหมาะกับองค์กรของคุณ
- เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด: SME, กลาง, ใหญ่
- มีรายงานเพื่อเสนอผู้บริหารและสามารถใช้วางแผนพัฒนาองค์กรได้ต่อเนื่อง
เปลี่ยนพนักงานทุกคนให้เป็น “Firewall มีชีวิต”
แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้าไปแค่ไหน แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดของความปลอดภัยในองค์กรยังคงเป็น “คน” การมี Firewall ที่ดีที่สุดหรือระบบป้องกันที่แพงที่สุดก็ไร้ค่า ถ้าพนักงานคลิกลิงก์อันตรายโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นเป้าหมายของทีม IT และผู้บริหารองค์กรในปีนี้ ไม่ควรหยุดแค่การอัปเกรดซอฟต์แวร์หรือระบบ แต่ต้อง “อัปเกรดพฤติกรรมพนักงาน” ไปด้วย
บทส่งท้าย
ภัยคุกคามไซเบอร์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้ง Phishing, Ransomware, Deepfake, Social Engineering หรือแม้แต่ Insider Threat ที่เกิดจากคนในองค์กรเอง การมีเครื่องมือที่ดีเป็นเพียงแค่ “ครึ่งทาง” ส่วนอีกครึ่งทางคือการสร้าง “วัฒนธรรมองค์กร” ที่ให้ความสำคัญกับ Cybersecurity
และวัฒนธรรมนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเราไม่ให้ความสำคัญกับ “พนักงานที่ไม่ใช่สายไอที” อย่างจริงจัง
ถึงเวลาแล้วที่องค์กรไทยจะหันมาปรับวิธีคิด และให้ความรู้ด้านความปลอดภัยแบบที่พนักงาน “อยากเรียน” ไม่ใช่ “ต้องเรียน”
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือดูแลด้าน IT Security ให้กับองค์กร เริ่มจากการสร้างวัฒนธรรม Cybersecurity ที่แข็งแกร่งด้วยเครื่องมือที่เชื่อถือได้จาก WatchGuard
เพราะข้อมูล คือ ทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้ของคุณและองค์กร
📞 ติดต่อเราเพื่อ Demo
📧 หรือขอใบเสนอราคาพิเศษวันนี้! หากท่านสนใจทดลองใช้สามารถ ลงทะเบียนเพื่อขอทดลองได้ฟรี 30 วัน
Credit https://www.watchguard.com